วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

แนะนำตัวเอง

ชื่อ:นางสาววาสนา เอกตาแสง

ชื่อเล่น: ต๋อย

วันเดือนปีเกิด: 15 พฤษภาคม 2531

อายุ:20ปี

รหัส 50010919522

คณะการบัญชีและการจัดการ สาขาการบัญชี

นักศึกษาชั้นปี่ที่2

ที่อยู่:344/1 หมู่9 ต.หัวนาคำ

อ.กระนวน

จ.ขอนแก่น 40170

เบอร์โทร: 087-7223865


E-mail : wasna_ac501@hotmail.com

hi5:http//wasnatakecare.hi5.com

Gmail:wasnanaka2@gmail.com

Blogger:wasnanaka.blogspot.com

มีพี่น้อง2คนคือ

1.นางสาวนิตสา เอกตาแสง

2.นางสาววาสนา เอกตาแสง

บิดาชื่อนายวิศิษย์ เอกตาแสง มีอาชีพ ทำนาทำไร่

มารดาชื่อนางแท่ง เอกตาแสง มีอาชีพ ทำนาทำไร่


ความถนัด:ร้องเพลง , คัดไทย เย็บผ้า

และมีอารมณ์ดีชอบความสนุกเข้ากับเพื่อนได้ง่าย

ชอบเลี้ยงสุนัข สุนัขชื่อ กาแฟ และยาดอง
ชอบสี เขียว และม่วง


ความสามารถ:คัดไทย

ภาพยนต์เรื่องโปรด:แฟนฉัน

อนาคต:อยากเป็นครูสอนชีววิทยา
ความฝัน:สิ่งไหนที่อยากได้ต้องทำให้ได้แต่ต้องเป็นสิ่งที่ดีและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

เวลาว่าง:ชอบร้องเพลง เต้น ไปเที่ยวกับเพื่อน นั่งรถเล่น
หาอะไรมาทำแก้เซงเช่น
-อ่านหนังสือเรียน นิยาย บทความ
-เล่นhi5 msn อินเตอร์เน็ตต่างๆ
-ต่อจิ๊กซอ ปักผ้า เย็บผ้า
-ไปดูหนัง เดินดูของตามห้าง
ที่ท่องเที่ยวที่เคยไปและประทับใจ
จ.ขอนแก่น ไปเที่ยววัดหนองแวง
จ.อุทัยธานี ไปเที่ยวและไปดูประวัติ สืบ นาคะเสถียร
ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายวาจา
จ.หนองคาย ไปเที่ยวแม่น้ำโขงและที่สำคัญต่างๆ


คติ:อย่าท้อแท้ อย่าอ่อนแอ

อย่าหวันไหว สู้ต่อไปกำลังใจ...เพื่อชัยชนะ...


อย่าเป็นทุกข์ในสิ่งที่เสียไป จงพอใจในสิ่งที่ตนมี
ชอบอ่านบทความที่เกี่ยวกับชีวิตเพราะให้ความรู้ในแง่ต่างๆเช่นบทความนี้

เ พื่ อ น แ ท้
เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ
เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่ตัวเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้
เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั่นจะมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน
เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไป จนกว่าจะมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ ส่งผ่านให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย หากคุณได้รับมันกลับมา นั่นหมายว่าคุณได้พบเพื่อนแท้แล้ว

________________________________________________________________

อ ย่ า รั ก . . เ พ ร า ะ ส ง ส า ร
อย่ารักเพราะสงสาร .... เขารู้คงทรมานใจ อย่ารักเพียงคิดว่าลองๆ คบไป ..... แต่จงเชื่อใจในตัวเขา อย่ารักเพราะเพื่อนว่าดี ..... เพราะคน คนนี้อาจไม่ได้รักเราแต่รักเพราะเธอรักเขาและมั่นใจจะก้าวไปด้วยกัน อย่ารักเพียงคิดว่าพอคบได้ ..... ถ้าเขาไม่ใช่คนที่เธอฝัน อย่ารักเพียงแค่ฆ่าเวลาไปวันๆ ..... เพราะเธอกำลังฆ่าคนๆ นั้นให้ค่อยๆ ตาย อย่ารักถ้าหัวใจเธอกำลังกล้ำกลืน ..... เพราะเธอไม่อาจฝืนให้รักมีความสุขได้อย่ารักคนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ..... แต่จงรักคนที่เธอหยุดเขาได้ด้วยรัก อย่ารักและรีบจะผูกพัน .... ถ้าคนๆ นั้นเธอพึ่งรู้จักอย่าปล่อยใจให้รักใครง่ายๆ นัก ..... จงดูใจกันสักพักก่อนจะเชื่อใจ อย่ารักใครหลายคน ..... เพราะไม่มีใครทนเป็นรองได้ แต่รักคนที่เธอพร้อมจะให้เขาทั้งหัวใจและพร้อมจะเคียงข้างกันไปชั่วนิรันดร์

" อย่ารักถ้าหัวใจเธอกล้ำกลืน…เพราะเธอไม่อาจฝืนให้ความรักมีความสุขได้"
อย่ารักแล้วรีบผูกพันธ์.. เพราะคนๆนั้น เธอพึ่งรู้จัก

-----------------------------------------------------------------------------------------
เดียวรักเดียวเลิก
ผู้ชายชอบทิ้ง ผู้หญิงชอบเก็บเก็บทุกอย่างที่เป็นความทรงจำ ไม่ว่าดีหรือเลวของผู้ชายที่ตนรัก ผู้หญิงก็เลยต้องนั่งเจ็บเสมอ
ดิฉันอาจเป็นคนใจอ่อน บางครั้งกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเลย เชื่อทุกอย่างที่สามีพูด มันชี้นกเป็นไม้ ดิฉันก็เห็นด้วยไปกับมัน เหมือนคนหูหนวกตาบอด ไม่ได้เพิ่งมาบอดตอนนี้ แต่บอดมาตั้งแต่แรก ตอนที่เพิ่งได้พบกัน ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ทั้งโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อนสิ้นดี
ดิฉันเป็นคนกรุงเทพ (ไม่น่าโง่ แต่ก็โง่) ทำงานเป็นพนักงานขาย (ดัชมิลล์) รายได้พออยู่ได้ เลิกงานก็กลับบ้าน ฟังเพลง อ่านหนังสือ ตามประสาคนโสด แต่เพราะธรรมชาติเรียกร้อง ทำให้เกิดความต้องการอยากมีแฟน
วันนั้นบังเอิญอ่านหนังสือศาลาคนเศร้า มีรูปถ่ายเพื่อนที่ลงหนังสือหลายคน ดิฉันเกิดไปต้องตาต้องใจผู้ชายคนหนึ่งเขาชื่อ "ธง" ดิฉันก็เลยติดต่อดู
ธงเป็นคนมีนิสัยร่าเริง เอาใจเก่ง เขาทำงานอยู่ในร้านอาหารแถวนนทบุรี เขาเป็นคนจังหวัดสกลนคร เคยได้ยินเขาพูดว่าคนบ้านนอกจริงใจ รักใครรักจริง ไม่หลอกลวงเหมือนคนกรุงเทพฯ แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เมื่อคนกรุงเทพฯ อย่างดิฉันต้องมาถูกคนบ้านนอกหลอก
ดิฉันโทรไปคุยตามเบอร์ที่ธงลงไว้ คุยกันจนคุ้นเคยดีก็เลยนัดเจอกัน เมื่อได้พบประสบพักตร์ ดิฉันก็รักธงทันที เขามีอะไรหลายอย่างที่ถูกใจ ไม่ใช่นิสัย เพราะยังไม่ได้ศึกษา เอาแค่ว่าชอบที่หน้าตาและคำพูด พูดง่ายๆ ก็คือ หลงรูปกับหลงคารม ดิฉันรู้จักกับเขาได้ 3 เดือนก็อยู่ด้วยกัน โดยที่พ่อแม่ของดิฉันไม่รู้เรื่อง ธงชวนดิฉันกลับไปอยู่สกลนคร พอไปถึงได้ 2-3 วัน ดิฉันถึงได้รู้จากญาติของเขาว่า "ธงเคยมีลูกมีเมียแล้ว" เป็นเรื่องที่ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อน พวกญาติเขาก็งง คิดว่ารู้เรื่องนี้แล้ว พอดิฉันไปถามธง เขาก็ยอมรับ ดิฉันเลยต่อว่าเขาที่ไม่เคยบอกเล่าให้ฟัง
"ทำไมธงไม่บอกตั้งแต่แรก ปิดไว้ทำไม ทำให้ฉันเหมือนคนโง่ถูกหลอก" ธงทำสีหน้าไม่พอ ใจแย้งกลับมาว่าจะให้บอกทำไม อยากรู้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อระหว่างเขากับผมมันจบไปแล้ว ดิฉันก็เลยไม่อยากพูดให้หมางใจกันอีก ไหนๆ ก็เลิกกันแล้วจะฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม เสียอารมณ์ทั้งเขาและดิฉัน
ลูกของธงเมียเก่าเขาเอาไปเลี้ยงเอง เพียงแต่ธงส่งเงินค่าเลี้ยงดูไปให้บ้าง ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ดิฉันอยู่กับธงได้ประมาณ 2 เดือนกว่า ก็ต้องกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่มีงานอะไรทำ รายได้ไม่มีจึงชวนกันมาทำงานที่กรุงเทพฯ ดิฉันมาขายดัชมิลล์เหมือนเดิม เพราะเถ้าแก่ไม่ได้ทำเรื่องลาออกให้
ส่วนธงก็ออกหางานทำ ได้งานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว ช่วงหลังนี้ธงเปลี่ยนไปมาก ชอบเอาเปรียบดิฉัน ค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เกี่ยงให้ดิฉันออก เงินของดิฉันต้องมารับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว ส่วนเงินของธง เขาใช้คนเดียว ดิฉันไม่มีเงินเหลือเลยในแต่ละเดือน
เท่านั้นยังไม่พอ ธงไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างว่าดูบอลบ้านเพื่อน พอดิฉันตามไปถามคนที่ร้านเขาบอกว่า "พี่ธงกลับบ้านไปตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว"ดิฉันสู้ทนไม่ปริปากบ่นว่า เขาทำอย่างนี้เป็นเดือน กระทั่งเพื่อนข้างห้องมาเล่าให้ฟังว่า เห็นธงไปกับผู้หญิงคนหนึ่งหลายครั้งแล้ว ทนมาได้เป็นเดือน พอรู้ว่าเขาไปกับคนอื่น ดิฉันทนไม่ได้ จึงโวยวายใส่เขา "แกนอกใจฉัน เห็นมันดีกว่าก็ไปอยู่กับมันเลยซิ" ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาไป แต่ไปเข้าทางมันพอดี มันคิดจะไปอยู่แล้ว พอพูดอย่างนั้น มันดีใจแทบจะบิน "เออ...ไม่ต้องมาไล่กูอยากจะไปตั้งนานแล้ว"
คุณรู้จักหนังสือชื่อ “ศาลาคนเศร้า” กันบ้างไหม เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่อยู่ยงคงกระพันในบรรณพิภพนี้มา กว่าสามสิบปีแล้ว เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของคนเศร้าๆ ที่รำพึงรำพันถึงความทุกข์ของตัวเอง ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความรักที่ผิดหวัง โศกเศร้าเสียใจ และจมอยู่ในห้วงอารมณ์ที่หมองหม่น
น่าแปลกใจไหมว่า หนังสือที่แทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยในตลอดระยะเวลาหลายปี เหตุใดจึงครองใจผู้อ่านกลุ่มหนึ่งมายาวนานขนาดนี้
เหตุผลดีๆ ที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้อาจจะมีมากกว่าข้อเดียว แต่เหตุผลหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือคำอธิบายที่ว่า บางครั้งคนเราก็เลือกที่จะ “ติด” อยู่กับอารมณ์อันเศร้าหมอง จมดิ่ง และดำลึกอยู่กับมันไม่รู้คลาย
หนังสือ “ศาลาคนเศร้า” อาจเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นเพลงรักอกหัก ที่บางคนชอบเปิดฟังเพื่อจะได้ร้องไห้จนน้ำตาชุ่มหมอน หรือแม้แต่การเลือกดูหนังเนื้อหาโศกเศร้ารันทด ดูไปน้ำตาไหลไป จนคนข้างๆ แอบเหล่ว่ายายคนนี้ร้องไห้ได้คุ้มค่าตั๋วเสียจริงๆ
จะว่าไปแล้วในบางสถานการณ์ที่คับข้องใจหรือปวดร้าวจนเกินทน การได้ร้องไห้ออกมาซะบ้าง ทำให้เราคลายความทุกข์ลงได้เหมือนกัน อาจารย์กิตติกร มีทรัพย์ นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ยังเคยให้คำแนะนำเมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับข่าวที่มีโพลสำรวจว่าครอบครัวไทยเริ่มมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง เกือบจะวางมวยกันหน้าจอทีวี หากคับข้องใจมากๆ นักจิตวิทยาท่านนี้ยังแนะว่า ให้ระบายมันออกมาด้วยการร้องไห้แสดงว่าการร้องไห้คงไม่ใช่ข้อห้ามหรือเครืองหมายของคนอ่อนแอเสมอไป เป็นเพียงกลไกที่ทำให้จิตใจคืนสมดุลอีกครั้ง
แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามน้ำตาเริ่มถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เป็นทรมานบันเทิงที่บางคนเริ่มเข้าข่ายเสพติด สังเกตง่ายๆ ว่าคนติดทุกข์ประเภทนี้จะถูกดึงเข้าหาสิ่งที่เศร้า สะเทือนใจ หนังสือเล่มไหนที่ว่ากันว่าเรียกน้ำตาได้ทุกย่อหน้าเป็นต้องรีบหามาอ่าน หนังเรื่องใดเมโลดราม่าต่อมน้ำตาแตก จะกลายเป็นโปรแกรมแรกๆ ที่เลือกดู กระทั้งว่าลุกลามมาถึงชีวิตจริงที่มองตัวเองเป็นผู้แพ้ตลอดกาล ชอบเหยียดเย้ยตัวเองทำนองที่ว่า “อย่างแกไม่มีวันสู้ใครเขาได้หรอก” “ไม่มีทางมีความสุข” “เจอแบบนี้ก็สมควรแล้ว” ฯลฯ สารพัดจะลากอารมณ์ให้ก่นเศร้าอยู่แทบทุกขณะจิตตอบตัวเองได้บ้างไหมว่า ทำไปเพื่ออะไร
เมตตาตัวเองบ้างเถอะ เรามีสิทธิที่จะมีความสุขได้เท่าๆ คนอื่นเหมือนกัน ปล่อยให้ตัวเองได้ยิ้ม ได้หัวเราะดังๆ บ้าง อาจจะเคยมีเหตุการณ์ร้ายๆ ที่สร้างแผลใจขึ้นในอดีต จงบอกตัวเองว่ามันได้เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว ทำไมถึงต้องนำกลับมาฉายใหม่ซ้ำๆ ซากๆ เหมือนเอามีดมากรีดหัวใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือแม้แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ตาม ในเมื่อทุกอย่างรุมเร้าซ้ำเติมเรามากพออยู่แล้วมันเรื่องอะไรที่เราต้องโบยตีตัวเองให้เจ็บหนักยิ่งขึ้น ถามตัวเองดีๆ ว่าทำไปเพื่ออะไร
รักตัวเองบ้างเถอะนะ ลองสมมติว่าเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอและสับสนต้องการความรักและความเข้าใจเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน มีข้อจำกัดและสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากมาย ที่เด็กน้อยคนนี้ไม่อาจทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบไปหมดทุกเรื่อง ลองโอบกอดเด็กว้าเหว่ที่อยู่ในจิตใจของคุณ ให้ความรักกับเขาบ้าง ชื่นชมและให้กำลังใจต่อเรื่องต่างๆ ที่ทำได้ดีแล้ว และให้อภัยในสิ่งที่อาจจะพลั้งพลาดไป คิดเสียว่าเราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง
หันมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองกันดีกว่า ทำไมเราต้องชวนกันร้องไห้อยู่ร่ำไป น่าเบื่อออกจะตาย ลองหันมาแซวตัวเองเล่นและขำกับความผิดพลาดต่างๆ ดูบ้าง พูดกันตรงๆ ถึงข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่และทางแก้ปัญหาที่เป็นไปได้มากที่สุด จะดีกว่าคร่ำครวญหวนไห้อย่างไม่มีทางออกเหมือนที่แล้วๆ มา
แล้วคุณจะพบว่าตัวเองมีพลังแฝงซ่อนอยู่มากมายกว่าที่เคยคิด และมีอีกหลายอารมณ์ที่น่าจะจมดิ่งลงไปพอๆ กับอารมณ์เศร้า เช่นอารมณ์ฮึกเหิม กล้าหาญ ที่เร้าให้ออกไปทำสิ่งใหม่ๆ อารมณ์ขันต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว มองอะไรต่อมิอะไรให้สบายๆ ได้มากขึ้น หรือแม้แต่อารมณ์โกรธในปริมาณพอดีๆ เพื่อกระตุ้นให้เราสู้และปกป้องตัวเอง
จริงๆ แล้วอารมณ์เศร้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย หาเกิดขึ้นในสัดส่วนที่พอดีและสมเหตุสมผล เพราะมีเพียงจิตใจที่ละเอียดอ่อนเท่านั้น จึงจะสะเทือนใจต่อเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ของตัวเองหรือเพื่อร่วมโลก
อารมณ์เศร้าแสดงให้เห็นว่าเราเป็นมนุษย์ที่มีทั้งสมองและหัวใจ รู้สึกผิดและละอายใจต่อสิ่งไม่ดีที่ได้ทำลงไป จนต้องลงโทษตัวเองด้วยความเศร้าซ้ำซากเพื่อลดทอนความรู้สึกผิดนั้นๆ ลง เพียงแต่อย่าปล่อยให้ความเศร้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นความสงสานและหมกมุ่นอยู่แต่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วหัวใจทุกดวงที่แวดล้อมอยู่รอบตัวคุณ ต่างมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่แทบทั้งนั้นมากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ใครจะจัดการกับหัวใจตัวเองได้ดีแค่ไหน
เมตตาตัวเองแล้วอย่าลืมเพื่อนๆ ของคุณด้วย เราทุกคนต่างเป็นเพื่อนทุกข์โดยไม่ต้องอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของศาลาคนเศร้า เราต่างมีวันที่เหน็ดเหนื่อยจนเกินทน มีจุดเปราะบางในใจที่อยากซ่อนไม่ให้ใครเห็น และมีเด็กตัวเล็กๆ เร้นกายอยู่ในผู้ใหญ่ตัวโตๆ ที่เราเห็นกันแค่ภายนอก
เศร้าให้น้อยลง แล้วเมตตาให้มากขึ้น นี่แหละความลับสุดยอดของความสุข ที่คุณเองก็ทำได้ดีไม่น้อยไปกว่าใคร
ที่มา : บทความโดย อโนมา ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2549

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น